21st Century Education
I'm a title. Click here to edit me
STEM คืออะไร มีความสำคัญต่อระบบการศึกษาอย่างไร
STEM เป็นคําย่อของ Science, Technology, Engineering and Mathematics ซึ่งเริ่มต้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากการประชุมหารือของตัวแทนจากทุกภาคส่วนที่สําคัญของประเทศเพื่อยกระดับคุณภาพของประชากรของประเทศในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศกับนานาชาติ โดยรัฐบาลได้มีนโยบายการศึกษาที่ส่งเสริมการเรียนการสอนให้เป็นแบบการบูรณาการทั้งสี่วิชาเข้าด้วยกัน
ทําให้ในปัจจุบันมีการใช้คําว่า STEM กันอย่างแพร่หลาย เนื่องด้วยเหตุผลการให้ความสําคัญของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการเรียนการสอนด้านนี้
อย่างไรก็ตามพบว่า ผู้ใช้ยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้อยู่พอสมควร เช่น เข้าใจว่า STEM หมายถึง Science กับ Mathematics เท่านั้น เพราะคนส่วนมากจะคุ้นเคยกับวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มากกว่า และเนื่องด้วยการจัดการเรียนรู้ในหลักสูตรทั่วไปจะเน้นที่สองวิชานี้เป็นหลัก นอกจากนั้นยังพบว่ามีคนเข้าใจผิดว่า STEM หมายถึงการคิดค้นหรือพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบใหม่เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในแต่ละสาขาวิชา
ในความเป็นจริงแล้ว STEM จะรวมทั้ง 4 สาขาวิชาเข้าด้วยกัน ได้แก่
วิทยาศาสตร์ (Science)
เทคโนโลยี (Technology)
วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering)
คณิตศาสตร์ (Mathematics)
โดยทุกสาขาวิชามีความสําคัญเหมือนกันและเป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีการบูรณาการศาสตร์ทั้งสี่ด้านเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้เรียนนําความรู้ทุกแขนงมาใช้ในการแก้ปัญหา การค้นคว้าสิ่งต่างๆ การสร้างหรือพัฒนาสิ่งต่างๆ ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน โดยอาศัยการจัดการเรียนรู้ด้วยครูหลายสาขาร่วมมือกัน เพราะในการทํางานจริงนั้นต้องอาศัยความรู้หลายด้านมาช่วยในการทํางานทั้งสิ้น ไม่ได้แยกใช้ความรู้เป็นส่วนๆ และยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาทักษะสําคัญในโลกโลกาภิวัตน์อีกด้วย ซึ่งในอดีตและปัจจุบันก็ยังคงจัดการเรียนการสอนที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน
แนวความคิดหลักของแต่ละองค์ประกอบ STEM
- Science เป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆ ในธรรมชาติ โดยอาศัยกระบวนสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry) โดยวิทยาศาสตร์ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ทําให้มนุษย์เราเข้าใจธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และในปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกาเองมีการปรับปรุง Science K-12 Framework ใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2555 และได้เผยแพร่เพื่อทําประชาพิจารณ์ออนไลน์ โดยมีการรวมแนวความคิดของ Technology และ Engineering เข้าไปด้วย และได้ยกระดับความสําคัญของ engineering design ให้เท่าเทียมกับ scientific inquiry
- Technology เป็นวิชาที่ว่าด้วยกระบวนการทํางานเพื่อแก้ปัญหา ปรับปรุงแก้ไข หรือพัฒนาสิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการ หรือความจําเป็นของมนุษย์ โดยกระบวนการแก้ปัญหาหรือการทํางานทางเทคโนโลยีนั้นจะเรียกวา Engineering design หรือ Design process ซึ่งเป็นกระบวนการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนคล้ายกับ scientific inquiry นั่นเอง และการจัดการเรียนรู้จะอยู่บนพื้นฐานของ problem-based หรือ project-based learning อย่างไรก็ตามคนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าเทคโนโลยีหมายถึง
คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ ICT ต่างๆ เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว จะหมายถึงกระบวนการแก้ปัญหา หรือทํางานเพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเราด้วย โดยประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีสมาคมนักการศึกษาเทคโนโลยีและวิศวกรรม (International Technology and Engineering Educators Association: ITEEA) กําหนดมาตรฐาน (Standard) วิชาเทคโนโลยีให้ผู้สอนได้ใช้สอนใน
ทิศทางเดียวกัน
- Engineering เป็นวิชาที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อมาอํานวยความสะดวกของมนุษย์โดยอาศัยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และกระบวนการทํางานทางเทคโนโลยีช่วยสร้างสรรค์ชิ้นงานนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐอเมริกาเองพบว่าวิชาวิศวกรรมนั้นยังไม่ได้ปรากฏเป็นที่
ชัดเจนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่จะถูกแฝงเข้าในวิชาเทคโนโลยีมากกว่า
- Mathematics เป็นวิชาที่มีความสําคัญและมีความชัดเจนในตัวอยู่แล้วด้วยธรรมชาติของคณิตศาสตร์ที่มีทฤษฎีชัดเจน ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์จะเป็นตัวเชื่อมทั้งสามสาขาวิชาเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี
ความจําเป็นของการเกิด STEM education
ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ปัจจุบันขีดความสามารถของประเทศไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง ในหลายๆ ด้านดังที่เคยเป็นมา หลายๆ ประเทศทั่วโลกมีความก้าวหน้าไปมาก ผลการทดสอบ PISA ของสหรัฐอเมริกาเองก็พบว่า ด้อยกว่าหลายประเทศ รวมทั้งประชากรทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมเองก็มีจํานวนน้อยลง ดังนั้นรัฐบาลจึงได้มีนโยบายในการส่งเสริมการพัฒนาการศึกษา STEM ขึ้นมา โดยคาดหวัง
ว่าจะช่วยยกระดับผลการทดสอบ PISA ให้สูงขึ้น นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเทคโนโลยีการสื่อการ การขนส่ง การค้า และอื่นๆ มีการติดต่อกันทั่วโลก ดังนั้นการเตรียมคนรุ่นใหม่เพื่อใหดํารงชีวิตในสังคมโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงมีความจําเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการของตามแนวทางของ STEM จะเป็นแนวทางหนึ่งเพื่อการช่วยส่งเสริมทักษะพื้นฐานที่จําเป็นในโลกปัจจุบันหรือที่เรากําลังพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในชื่อ
21st Century skills ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 (21st Century skills)
ทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 มีจุดเริ่มต้นมาจากการประชุมรวมกันของนักวิชาการหลากหลายสาขาในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรัฐบาลต้องการพัฒนาคุณภาพของประชากรประเทศเพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศกับนานาชาติและการดํารงชีวิตอยูในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงได้มีข้อสรุปรวมกันว่า ทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 ควรมีอยู่ 3 ด้านหลักๆ ได้แก่
1) ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
• ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
• การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา
• การสื่อสารและการร่วมมือ
2) ทักษะชีวิตและการทํางาน
• ความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับตัว
• ความคิดริเริ่มและการชี้นําตนเอง
• ทักษะทางสังคมและการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม
• การเพิ่มผลผลิตและความรูรับผิด
• ความเป็นผู้นําและความรับผิดชอบ
3) ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี
• ความรู้พื้นฐานด้านสารสนเทศ
• ความรู้พื้นฐานด้านสื่อ
• ความรู้พื้นฐานด้านไอซีที
สรุป
STEM เป็นคําย่อของ Science, Technology, Engineering and Mathematics ซึ่งเริ่มต้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการประชุมหารือของทุกภาคส่วนที่สําคัญของประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศกับนานาชาติ โดยรัฐบาลได้มีนโยบายการศึกษาที่จะส่งเสริมการเรียนการสอนให้เป็นแบบบูรณาการทั้งสี่ วิชาเข้าด้วยกัน โดยแต่ละวิชามีความสําคัญเหมือนกันและจะมีแนวความคิดหลักของตนเอง การจัดการเรียนรู้ต้องให้ผู้เรียนนําความรู้ทุกแขนงมาใช้ในการแก้ปัญหา การค้นคว้าสิ่งต่างๆ การสร้างหรือพัฒนาสิ่งต่างๆ ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน โดยอาศัยการจัดการเรียนรู้ดวยครูหลายสาขาร่วมมือกัน
การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเทคโนโลยีการสื่อสาร การขนส่ง การค้า และอื่นๆ มีการเข้าถึงกันทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเตรียมคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะที่จําเป็น (21st century skills) เพื่อให้ดํารงชีวิตในสังคมโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงมีความจําเป็นอย่างยิ่ง